Customer Reviews

แฮร์รี่ พอตเตอร์กลับมาที่ฮอกวอตส์ในปีที่ 5 นี้ เหมือนฮอร์โมนวัยรุ่นจะแปรปรวนค่ะ สัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มในตัวแฮร์รี่ เหมือนว่าจะใจร้อนขึ้น อิอิ
ในเล่มนี้จะเกิดความขัดแย้งขึ้น เนื่องจากลอร์ดโวลเดอร์มอร์กลับมาแล้ว แต่ทางกระทรวงเวทมนตร์ยังคงปิดข่าว ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นจนศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ต้องหนีไป ในขณะที่แฮร์รี่เองซึ่งเป็นคนปะทะกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์ด้วยตัวเองก็กลายเป็นเหมือนตัวตลกไปซะงั้น
เล่มนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมาค่ะ เป็นตัวละครที่น่าหมั่นไส้มากที่สุด มากกว่ากิลเดอรอย ล็อกฮาร์ตในเล่มสองซะอีก นั่นคือ เจ๊อัมบริดจ์ค่ะ ระดับความน่ารังเกียจของเธอเชิญทัศนาในหนังสือเลย ไม่อยากกล่าวถึง แต่นางร้ายกาจมาก บอกได้คำเดียวค่ะ
นอกจากความขัดแย้งที่เกิดในฮอกวอตส์แล้ว เล่มนี้เราจะได้รู้จักกับภาคีนกฟินิกซ์ ซึ่งเป็นเหมือนกลุ่มลับอีกด้วย แฮร์รี่จะได้พบกับบุคคลเพิ่มอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องและพร้อมช่วยเหลือเขาในการต่อสู้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดค่ะ
สิ่งที่ เจ.เค. โรว์ลิ่งเพิ่มเติมขึ้นมาในเล่มนี้ก็คือ ความรักของหนุ่มสาวค่ะ อย่างที่รู้ตั้งแต่เล่มสี่ว่า แฮร์รี่เริ่มปิ๊งสาวชื่อ โช แชง จากบ้านเรเวนคลอแล้วล่ะ มาเล่มนี้ แฮร์รี่เริ่มรุกหนักขึ้น เพราะเซ็ดดริกก็ไม่อยู่แล้ว แต่แฮร์รี่จะจีบโชสำเร็จหรือไม่นั้น ติดตามในเล่มนะคะ ส่วนความรักของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่างรอนและเฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้ยังคลุมเครือให้เราได้ลุ้นได้จิ้นกันต่อไปก่อนค่ะ
ตอนจบของเรื่อง ระวังน้ำตาท่วมนะคะ มีอะไรหลายอย่างที่แฮร์รี่อัดอั้นอยากระบาย มีความในใจของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ เรียกว่าซึ้งกันไปเบา ๆ และจะทำให้อยากอ่านเล่ม 6 มากขึ้นค่ะ

แฮร์รี่ พอตเตอร์กลับมาที่ฮอกวอตส์ในปีที่ 5 นี้ เหมือนฮอร์โมนวัยรุ่นจะแปรปรวนค่ะ สัมผัสได้ถึงความร้อนรุ่มในตัวแฮร์รี่ เหมือนว่าจะใจร้อนขึ้น อิอิ
ในเล่มนี้จะเกิดความขัดแย้งขึ้น เนื่องจากลอร์ดโวลเดอร์มอร์กลับมาแล้ว แต่ทางกระทรวงเวทมนตร์ยังคงปิดข่าว ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นจนศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ต้องหนีไป ในขณะที่แฮร์รี่เองซึ่งเป็นคนปะทะกับลอร์ดโวลเดอร์มอร์ด้วยตัวเองก็กลายเป็นเหมือนตัวตลกไปซะงั้น
เล่มนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมาค่ะ เป็นตัวละครที่น่าหมั่นไส้มากที่สุด มากกว่ากิลเดอรอย ล็อกฮาร์ตในเล่มสองซะอีก นั่นคือ เจ๊อัมบริดจ์ค่ะ ระดับความน่ารังเกียจของเธอเชิญทัศนาในหนังสือเลย ไม่อยากกล่าวถึง แต่นางร้ายกาจมาก บอกได้คำเดียวค่ะ
นอกจากความขัดแย้งที่เกิดในฮอกวอตส์แล้ว เล่มนี้เราจะได้รู้จักกับภาคีนกฟินิกซ์ ซึ่งเป็นเหมือนกลุ่มลับอีกด้วย แฮร์รี่จะได้พบกับบุคคลเพิ่มอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องและพร้อมช่วยเหลือเขาในการต่อสู้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดค่ะ
สิ่งที่ เจ.เค. โรว์ลิ่งเพิ่มเติมขึ้นมาในเล่มนี้ก็คือ ความรักของหนุ่มสาวค่ะ อย่างที่รู้ตั้งแต่เล่มสี่ว่า แฮร์รี่เริ่มปิ๊งสาวชื่อ โช แชง จากบ้านเรเวนคลอแล้วล่ะ มาเล่มนี้ แฮร์รี่เริ่มรุกหนักขึ้น เพราะเซ็ดดริกก็ไม่อยู่แล้ว แต่แฮร์รี่จะจีบโชสำเร็จหรือไม่นั้น ติดตามในเล่มนะคะ ส่วนความรักของเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่ออย่างรอนและเฮอร์ไมโอนี่ ตอนนี้ยังคลุมเครือให้เราได้ลุ้นได้จิ้นกันต่อไปก่อนค่ะ
ตอนจบของเรื่อง ระวังน้ำตาท่วมนะคะ มีอะไรหลายอย่างที่แฮร์รี่อัดอั้นอยากระบาย มีความในใจของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ เรียกว่าซึ้งกันไปเบา ๆ และจะทำให้อยากอ่านเล่ม 6 มากขึ้นค่ะ

มาถึงเล่มที่ 4 แล้วสำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มนี้มีชื่อว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี สำหรับเราเล่มนี้เข้มข้นมากเลยค่ะ ตอนนี้แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่โตขึ้นมาอีกปีแล้ว และก็เริ่มมีเรื่องของหัวใจมาเกี่ยวข้องนิด ๆ แล้วค่ะ
ในเล่มนี้นะคะมีการต่อสู้ มีการผจญภัยเยอะมาก แล้วแต่ละซีนในเรื่องก็ดูยิ่งใหญ่อลังการมากเหมือนกัน ในตอนนี้จะมีตัวละครใหม่ออกมาบางตัวด้วยค่ะ
ตอนนี้จะมีการแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคี นั่นคือจะมีนักเรียนจากอีกสองโรงเรียนมาร่วมแข่งขันที่ฮอกวอตส์ โดยจะมีการจับชื่อตัวแทนจากถ้วยอัคนี แล้วจู่ ๆ แฮร์รี่ก็ดันมีชื่อเข้าประลองด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะเกิดความสงสัยแล้วว่าใครใส่ชื่อแฮร์รี่ลงไป ตัวเขาเองก็ต้องเตรียมตัวเข้าแข่งขันด้วยเช่นกัน ช่วงที่มีการแข่งขันประลองเวทย์นั้นสนุกสนานมากค่ะ ตัวแทนแต่ละคนต้องใช้สติปัญญา ไหวพริบ ความกล้าหาญในการผ่านแต่ละด่านประลองไป อ่านแล้วจินตนาการตามในหัวนี่ดูอลังการมาก
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คงเป็นความรักกุ๊กกิ๊กของหนุ่มสาว จะเห็นได้ว่าตัวละครเริ่มมีความรู้สึกแบบหนุ่มสาว เริ่มมีความรัก มีการหึงหวงกันเล็ก ๆ พอมีเรื่องนี้หยอดเป็นสีสันให้อมยิ้มได้ ไม่ทำให้เรื่องหนักหนาจนเกินไปค่ะ
การประลองเวทย์นั้นถือเป็นจุดเด่นของเรื่องในเล่มนี้ และก็เป็นจุดนำไปสู่การเฉลยตอนจบของเรื่องค่ะ ว่าจริง ๆ แล้วเบื้องหลังบุคคลที่ใส่ชื่อแฮร์รี่ในถ้วยอัคนีคือใคร ซึ่งการเฉลยเรื่องในตอนท้ายนี้ เราว่าพีคสุดตั้งแต่อ่านมาจนถึงเล่ม 4 ค่ะ เรียกได้ว่าอาจทำให้คนอ่านช็อคได้เลย
จะเป็นใครที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนการนี้ แล้วจะเกี่ยวข้องกับเจ้าแห่งศาสตร์มืดหรือไม่ หาคำตอบได้ในเล่มนะคะ อ่านแล้วระวังวางไม่ลงค่ะ

มาถึงเล่มที่ 4 แล้วสำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มนี้มีชื่อว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี สำหรับเราเล่มนี้เข้มข้นมากเลยค่ะ ตอนนี้แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่โตขึ้นมาอีกปีแล้ว และก็เริ่มมีเรื่องของหัวใจมาเกี่ยวข้องนิด ๆ แล้วค่ะ
ในเล่มนี้นะคะมีการต่อสู้ มีการผจญภัยเยอะมาก แล้วแต่ละซีนในเรื่องก็ดูยิ่งใหญ่อลังการมากเหมือนกัน ในตอนนี้จะมีตัวละครใหม่ออกมาบางตัวด้วยค่ะ
ตอนนี้จะมีการแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคี นั่นคือจะมีนักเรียนจากอีกสองโรงเรียนมาร่วมแข่งขันที่ฮอกวอตส์ โดยจะมีการจับชื่อตัวแทนจากถ้วยอัคนี แล้วจู่ ๆ แฮร์รี่ก็ดันมีชื่อเข้าประลองด้วยเช่นกัน ซึ่งนอกจากจะเกิดความสงสัยแล้วว่าใครใส่ชื่อแฮร์รี่ลงไป ตัวเขาเองก็ต้องเตรียมตัวเข้าแข่งขันด้วยเช่นกัน ช่วงที่มีการแข่งขันประลองเวทย์นั้นสนุกสนานมากค่ะ ตัวแทนแต่ละคนต้องใช้สติปัญญา ไหวพริบ ความกล้าหาญในการผ่านแต่ละด่านประลองไป อ่านแล้วจินตนาการตามในหัวนี่ดูอลังการมาก
อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คงเป็นความรักกุ๊กกิ๊กของหนุ่มสาว จะเห็นได้ว่าตัวละครเริ่มมีความรู้สึกแบบหนุ่มสาว เริ่มมีความรัก มีการหึงหวงกันเล็ก ๆ พอมีเรื่องนี้หยอดเป็นสีสันให้อมยิ้มได้ ไม่ทำให้เรื่องหนักหนาจนเกินไปค่ะ
การประลองเวทย์นั้นถือเป็นจุดเด่นของเรื่องในเล่มนี้ และก็เป็นจุดนำไปสู่การเฉลยตอนจบของเรื่องค่ะ ว่าจริง ๆ แล้วเบื้องหลังบุคคลที่ใส่ชื่อแฮร์รี่ในถ้วยอัคนีคือใคร ซึ่งการเฉลยเรื่องในตอนท้ายนี้ เราว่าพีคสุดตั้งแต่อ่านมาจนถึงเล่ม 4 ค่ะ เรียกได้ว่าอาจทำให้คนอ่านช็อคได้เลย
จะเป็นใครที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนการนี้ แล้วจะเกี่ยวข้องกับเจ้าแห่งศาสตร์มืดหรือไม่ หาคำตอบได้ในเล่มนะคะ อ่านแล้วระวังวางไม่ลงค่ะ

นิยายซีรีย์วัยรุ่นเรื่องดัง Twilight ในเล่มนี้ถึงตอนที่ 4 แล้วค่ะ แบ่งออกเป็น 2 เล่มคือ 4.1 และ 4.2 ด้วย Breaking Dawn มีชื่อภาษาไทยว่า “รุ่งอรุโณทัย” ชื่อเพราะอีกแล้ว
สำหรับเล่ม 4.1 นี้จะกล่าวถึงช่วงที่เอ็ดเวิร์ดและเบลล่าเรียนจบ และมีแผนที่จะแต่งงานกันค่ะ ในเรื่องก็จะกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนวันแต่งงานจนถึงพิธีแต่งงานของทั้งคู่ จนไปฮันนีมูนกันไกลถึงริโอ เดอ จาเนโรค่ะ บรรยากาศการฮันนีมูนของทั้งคู่ก็หวานแหวว เนื้อเรื่องช่วงนี้ยาวพอควรเลยทีเดียวค่ะ ในส่วนที่ไปฮันนีมูนกันนี้เราชอบการบรรยายซีนที่ลงไปในทะเลมากค่ะ บรรยากาศใต้แสงจันทร์ ในทะเล มันสวีทหวานมาก และสัมผัสได้ว่าทั้งเอ็ดเวิร์ดและเบลล่ามีความสุขมาก แต่ถึงบรรยากาศการฮันนีมูนจะสวีทหวานแค่ไหน ทั้งคู่ก็มีช่วงที่ขัดใจกันนิดหน่อยสลับไปค่ะ ซึ่งเรื่องที่ขัดใจกันนั้น เหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญซะด้วยซิ เรียกว่าเบลล่าถึงกับลงทุนแต่งตัวมายั่วเอ็ดเวิร์ดเลยทีเดียว
จุดพีคของเรื่องเริ่มต้นเมื่อเบลล่ารู้ตัวว่าตั้งท้องค่ะ ซึ่งพวกคัลเลนเองก็จะไม่รู้ว่าเด็กที่จะเกิดจะออกมาเป็นอะไร เพราะไม่มีใครรู้เรื่องพวกนี้เลย พวกคัลเลนจึงต้องร่วมด้วยช่วยกันดูแลเบลล่าทุกทาง ในขณะเดียวกัน ก็มีความขัดแย้งระหว่างพวกคัลเลนกับพวกมนุษย์หมาป่าด้วยค่ะ ทุกฝ่ายต่างกังวลว่าเด็กในท้องของเบลล่าจะเกิดมาเป็นตัวอะไร จนกระทั่งเบลล่าคลอดค่ะ ช่วงนี้ถือว่าพีคมากจริง ๆ เพราะเบลล่าจะอยู่หรือไปก็ไม่รู้ ไหนจะการต่อสู้ระหว่างครอบครัวคัลเลนกับมนุษย์หมาป่าอีก เรียกว่าช่วงท้ายนี่ตื่นเต้นจริง ๆ ค่ะ
ส่วนบทสรุปของตอน 4.1 นี้จะเป็นอย่างไร เบลล่าจะปลอดภัยหรือไม่ หาคำตอบต่อในเล่ม และในเล่ม 4.2 กันนะคะ

นิยายซีรีย์วัยรุ่นเรื่องดัง Twilight ในเล่มนี้ถึงตอนที่ 4 แล้วค่ะ แบ่งออกเป็น 2 เล่มคือ 4.1 และ 4.2 ด้วย Breaking Dawn มีชื่อภาษาไทยว่า “รุ่งอรุโณทัย” ชื่อเพราะอีกแล้ว
สำหรับเล่ม 4.1 นี้จะกล่าวถึงช่วงที่เอ็ดเวิร์ดและเบลล่าเรียนจบ และมีแผนที่จะแต่งงานกันค่ะ ในเรื่องก็จะกล่าวถึงตั้งแต่ก่อนวันแต่งงานจนถึงพิธีแต่งงานของทั้งคู่ จนไปฮันนีมูนกันไกลถึงริโอ เดอ จาเนโรค่ะ บรรยากาศการฮันนีมูนของทั้งคู่ก็หวานแหวว เนื้อเรื่องช่วงนี้ยาวพอควรเลยทีเดียวค่ะ ในส่วนที่ไปฮันนีมูนกันนี้เราชอบการบรรยายซีนที่ลงไปในทะเลมากค่ะ บรรยากาศใต้แสงจันทร์ ในทะเล มันสวีทหวานมาก และสัมผัสได้ว่าทั้งเอ็ดเวิร์ดและเบลล่ามีความสุขมาก แต่ถึงบรรยากาศการฮันนีมูนจะสวีทหวานแค่ไหน ทั้งคู่ก็มีช่วงที่ขัดใจกันนิดหน่อยสลับไปค่ะ ซึ่งเรื่องที่ขัดใจกันนั้น เหมือนจะเป็นเรื่องสำคัญซะด้วยซิ เรียกว่าเบลล่าถึงกับลงทุนแต่งตัวมายั่วเอ็ดเวิร์ดเลยทีเดียว
จุดพีคของเรื่องเริ่มต้นเมื่อเบลล่ารู้ตัวว่าตั้งท้องค่ะ ซึ่งพวกคัลเลนเองก็จะไม่รู้ว่าเด็กที่จะเกิดจะออกมาเป็นอะไร เพราะไม่มีใครรู้เรื่องพวกนี้เลย พวกคัลเลนจึงต้องร่วมด้วยช่วยกันดูแลเบลล่าทุกทาง ในขณะเดียวกัน ก็มีความขัดแย้งระหว่างพวกคัลเลนกับพวกมนุษย์หมาป่าด้วยค่ะ ทุกฝ่ายต่างกังวลว่าเด็กในท้องของเบลล่าจะเกิดมาเป็นตัวอะไร จนกระทั่งเบลล่าคลอดค่ะ ช่วงนี้ถือว่าพีคมากจริง ๆ เพราะเบลล่าจะอยู่หรือไปก็ไม่รู้ ไหนจะการต่อสู้ระหว่างครอบครัวคัลเลนกับมนุษย์หมาป่าอีก เรียกว่าช่วงท้ายนี่ตื่นเต้นจริง ๆ ค่ะ
ส่วนบทสรุปของตอน 4.1 นี้จะเป็นอย่างไร เบลล่าจะปลอดภัยหรือไม่ หาคำตอบต่อในเล่ม และในเล่ม 4.2 กันนะคะ

นิยายเรื่อง “เกมร้ายพ่ายเกมรัก” นี้ เขียนโดยบุษบาพาฝันค่ะ เป็นนิยายทางอินเตอร์เน็ตมาก่อน แล้วก็ได้รับการตีพิมพ์ภายหลัง ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นละครทางช่อง 3 ในชื่อ “เกมร้ายเกมรัก” แสดงโดยคู่จิ้นสุดฮอตอย่าง ณเดชณ์-ญาญ่า ค่ะ (ตีพิมพ์ครั้งหลัง ๆ จะเห็นรูปบนปกหน้าคล้ายพระเอกนางเอกเลยค่ะ)
อยากบอกว่าในละครที่ได้ดูกับในนิยายแตกต่างกันเยอะมากค่ะ เค้าโครงในตอนต้นจะเหมือนกันก็คือนางฟ้าถูกทำร้ายจนความจำเสื่อมและต้องมาอยู่กับสายชล แล้วทั้งคู่ก็ค่อย ๆ เกิดความรักขึ้น ก่อนที่จะแต่งงานและมีลูกกัน อยู่ด้วยกันบนเกาะจนกระทั่งพี่สาวของนางฟ้ามาพรากทั้งคู่ออกจากกัน ในนิยายนี่สายชลพยายามที่จะทำให้นางฟ้าจำได้มากที่สุด ในขณะที่พยายามจะแก้แค้นชมพูแพรไปด้วย ที่สำคัญนะคะ ในนิยายนี่เราว่าสายชลไม่โง่ค่ะ 555 คือตอนดูละครค่อนข้างขัดใจ แต่อ่านนิยายแล้วโอเคหน่อยตรงที่สายชลถึงจะขี้หึง ขี้เหวี่ยงไปบ้างเวลามีคนมาเกาะแกะนางฟ้า แต่ก็ไม่นานค่ะก็จะกลับมาสวีทหวานกันตามเดิม
สิ่งที่ต่างอีกอย่างคือความร้ายกาจของชมพูแพรค่ะ ในละครที่เห็นว่าร้ายแล้ว สำหรับเราคูณเพิ่มไปอีกสิบเท่าในนิยายค่ะ ร้ายจนน่ากลัวจริง ๆ บทสรุปของตัวละครตัวนี้ในหนังสือก็แตกต่างจากละครค่ะ ลองหาอ่านกันดู
ในตอนท้ายของเรื่องนี่เราว่าออกทะเลไปไกลค่ะ ยังไม่บอกแล้วกันว่ายังไง แต่พาร์ทก่อนจบนี่เราว่ามันสะดุดไปเลย ไม่สมควรพาเรื่องไปในทิศทางนั้นค่ะ
สิ่งที่นิยายต้องการสะท้อนให้เห็นคือ ความรักชนะทุกสิ่งได้ค่ะ ความรักที่สายชลมีให้นางฟ้า ชนะความโกรธ ความแค้นที่สายชลมีต่อชมพูแพร เราว่าจุดนี้ค่อนข้างดีค่ะ ทำให้เห็นว่าแค้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ถ้าใครอยากได้นิยายภาษาสวย ๆ เรื่องนี้ไม่เหมาะค่ะ แต่ถ้าอยากอ่านนิยายเพลิน ๆ ไม่คิดอะไรมากมายนัก เล่มนี้ก็พออ่านได้ค่ะ ไม่สำหรับเราไม่ใช่หนังสือที่จำเป็นต้องอ่านหรือต้องสะสมค่ะ

นิยายเรื่อง “เกมร้ายพ่ายเกมรัก” นี้ เขียนโดยบุษบาพาฝันค่ะ เป็นนิยายทางอินเตอร์เน็ตมาก่อน แล้วก็ได้รับการตีพิมพ์ภายหลัง ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นละครทางช่อง 3 ในชื่อ “เกมร้ายเกมรัก” แสดงโดยคู่จิ้นสุดฮอตอย่าง ณเดชณ์-ญาญ่า ค่ะ (ตีพิมพ์ครั้งหลัง ๆ จะเห็นรูปบนปกหน้าคล้ายพระเอกนางเอกเลยค่ะ)
อยากบอกว่าในละครที่ได้ดูกับในนิยายแตกต่างกันเยอะมากค่ะ เค้าโครงในตอนต้นจะเหมือนกันก็คือนางฟ้าถูกทำร้ายจนความจำเสื่อมและต้องมาอยู่กับสายชล แล้วทั้งคู่ก็ค่อย ๆ เกิดความรักขึ้น ก่อนที่จะแต่งงานและมีลูกกัน อยู่ด้วยกันบนเกาะจนกระทั่งพี่สาวของนางฟ้ามาพรากทั้งคู่ออกจากกัน ในนิยายนี่สายชลพยายามที่จะทำให้นางฟ้าจำได้มากที่สุด ในขณะที่พยายามจะแก้แค้นชมพูแพรไปด้วย ที่สำคัญนะคะ ในนิยายนี่เราว่าสายชลไม่โง่ค่ะ 555 คือตอนดูละครค่อนข้างขัดใจ แต่อ่านนิยายแล้วโอเคหน่อยตรงที่สายชลถึงจะขี้หึง ขี้เหวี่ยงไปบ้างเวลามีคนมาเกาะแกะนางฟ้า แต่ก็ไม่นานค่ะก็จะกลับมาสวีทหวานกันตามเดิม
สิ่งที่ต่างอีกอย่างคือความร้ายกาจของชมพูแพรค่ะ ในละครที่เห็นว่าร้ายแล้ว สำหรับเราคูณเพิ่มไปอีกสิบเท่าในนิยายค่ะ ร้ายจนน่ากลัวจริง ๆ บทสรุปของตัวละครตัวนี้ในหนังสือก็แตกต่างจากละครค่ะ ลองหาอ่านกันดู
ในตอนท้ายของเรื่องนี่เราว่าออกทะเลไปไกลค่ะ ยังไม่บอกแล้วกันว่ายังไง แต่พาร์ทก่อนจบนี่เราว่ามันสะดุดไปเลย ไม่สมควรพาเรื่องไปในทิศทางนั้นค่ะ
สิ่งที่นิยายต้องการสะท้อนให้เห็นคือ ความรักชนะทุกสิ่งได้ค่ะ ความรักที่สายชลมีให้นางฟ้า ชนะความโกรธ ความแค้นที่สายชลมีต่อชมพูแพร เราว่าจุดนี้ค่อนข้างดีค่ะ ทำให้เห็นว่าแค้นไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ถ้าใครอยากได้นิยายภาษาสวย ๆ เรื่องนี้ไม่เหมาะค่ะ แต่ถ้าอยากอ่านนิยายเพลิน ๆ ไม่คิดอะไรมากมายนัก เล่มนี้ก็พออ่านได้ค่ะ ไม่สำหรับเราไม่ใช่หนังสือที่จำเป็นต้องอ่านหรือต้องสะสมค่ะ

บทประพันธ์ของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นบทประพันธ์สุดคลาสสิกในดวงใจใครหลายคน เรียกว่าเป็นหนึ่งในนิยายที่นักอ่านไม่ควรพลาดค่ะ
สี่แผ่นดินเดินเรื่องโดยตัวละครหลักคือ “แม่พลอย” เรื่องราวก็จะเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในสมัยนั้น รวมถึงสะท้อนภาพชีวิตความเป็นอยู่ แนวคิด วิถีชีวิต เรื่องราวของประเพณีไทยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของคนไทย เรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกถ่ายทอดออกมาตั้งแต่แม่พลอยยังเด็กในสมัยรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งผลัดแผ่นดินเป็นรัชกาลที่ 6 ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 8 โดยแต่ละรัชสมัย ก็จะมีเหตุการณ์บ้านเมืองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงสอดแทรกอยู่ และสะท้อนแนวคิดของประชาชนในสมัยนั้นผ่านตัวละครคือแม่พลอย
หากใครที่อยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 8 เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยผู้อ่านได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะว่าหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ผู้ประพันธ์ ได้นำเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น แทรกเข้าไปในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียน รวมไปถึงการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละสมัยด้วยค่ะ แต่ละยุคก็จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในวิถีชีวิตของคนไทย มีการปรับตัว มีการเปลี่ยนแปลง ผู้อ่านก็จะได้เห็นแนวคิด และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คนในแต่ละยุคแต่ละสมัยด้วยค่ะ
สิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่ปรากฏในสี่แผ่นดินก็คือ เรื่องของสถาบันครอบครัวค่ะ แม่พลอยโตขึ้นและแต่งงานกับคุณเปรม เราจะได้เห็นเรื่องราวของความรัก ความผูกพันของสมาชิกในครอบครัวของแม่พลอย เรื่องนี้สะท้อนความสำคัญของสถาบันครอบครัวได้เป็นอย่างดีค่ะ
นักอ่านทุกคนต้องไม่พลาดกับบทประพันธ์อมตะเล่มนี้กันนะคะ

บทประพันธ์ของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นบทประพันธ์สุดคลาสสิกในดวงใจใครหลายคน เรียกว่าเป็นหนึ่งในนิยายที่นักอ่านไม่ควรพลาดค่ะ
สี่แผ่นดินเดินเรื่องโดยตัวละครหลักคือ “แม่พลอย” เรื่องราวก็จะเล่าถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในสมัยนั้น รวมถึงสะท้อนภาพชีวิตความเป็นอยู่ แนวคิด วิถีชีวิต เรื่องราวของประเพณีไทยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นของคนไทย เรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกถ่ายทอดออกมาตั้งแต่แม่พลอยยังเด็กในสมัยรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งผลัดแผ่นดินเป็นรัชกาลที่ 6 ต่อมาจนถึงรัชกาลที่ 7 และรัชกาลที่ 8 โดยแต่ละรัชสมัย ก็จะมีเหตุการณ์บ้านเมืองต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงสอดแทรกอยู่ และสะท้อนแนวคิดของประชาชนในสมัยนั้นผ่านตัวละครคือแม่พลอย
หากใครที่อยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์ และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 8 เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยผู้อ่านได้เป็นอย่างดีค่ะ เพราะว่าหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ผู้ประพันธ์ ได้นำเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านั้น แทรกเข้าไปในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียน รวมไปถึงการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละสมัยด้วยค่ะ แต่ละยุคก็จะมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในวิถีชีวิตของคนไทย มีการปรับตัว มีการเปลี่ยนแปลง ผู้อ่านก็จะได้เห็นแนวคิด และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้คนในแต่ละยุคแต่ละสมัยด้วยค่ะ
สิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่ปรากฏในสี่แผ่นดินก็คือ เรื่องของสถาบันครอบครัวค่ะ แม่พลอยโตขึ้นและแต่งงานกับคุณเปรม เราจะได้เห็นเรื่องราวของความรัก ความผูกพันของสมาชิกในครอบครัวของแม่พลอย เรื่องนี้สะท้อนความสำคัญของสถาบันครอบครัวได้เป็นอย่างดีค่ะ
นักอ่านทุกคนต้องไม่พลาดกับบทประพันธ์อมตะเล่มนี้กันนะคะ

เล่มที่ 3 ของหนังสือชุด Twilight แล้วนะคะ เรื่องราวความรักระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ แล้วก็รักสามเส้า เราสามคนของมนุษย์ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า เรื่องราวอินุงตุงนังจริง ๆ เลยนะคะว่าไหม แต่นี่คือนิยายวัยรุ่นที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่ง มีคนรออ่านมากที่สุดเล่มหนึ่งค่ะ
ตอนอ่านเล่มหนึ่งเราชอบ อ่านเล่มสองเริ่มดร็อปลง แต่เล่มนี้ดีขึ้นมาหน่อยค่ะ เพราะว่าเนื้อเรื่องเริ่มมีอย่างอื่นมากกว่าการกล่าวถึงความรักของเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่าและเจคอบ มันเริ่มมีการต่อสู้ของแวมไพร์เพื่อล้างแค้นเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น และมีแขกพิเศษอย่างกลุ่มโวลตูรีมาด้วย เลยทำให้ Eclipse ดูแตกต่างจากสองเล่มแรกที่ผ่านมามากขึ้น เพราะสองเล่มแรกนั้นฉากแอคชั่นน้อยมากค่ะ
เล่มนี้จะกล่าวถึงการกลับมาล้างแค้นของวิคตอเรีย ซึ่งนางเคยปรากฏตัวในเล่มแรกค่ะ ครั้งนี้นางมาแบบกองทัพ ทำให้พวกคัลเลนต้องหันมาจับมือกับมนุษย์หมาป่าเผ่าควิลยูต และท่ามกลางการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น เรื่องราวความรักที่เป็นรักสามเส้า เราสามคนของเอ็ดเวิร์ด เบลล่า และเจคอบ ก็ยังคนดำเนินต่อไปค่ะ ตอนอ่านเล่มสองจะรู้สึกสงสารเบลล่า อยากเชียร์เจคอบ เอ็ดเวิร์ดใจร้าย แต่อ่านเล่มสามนี่ อยากทะลุหนังสือเข้าไปจัดการยัยเบลล่าจริง ๆ นะคะ คือนางทำตัวเหมือนวันทองสองใจมากค่ะ รักเอ็ดเวิร์ด เสียดายเจคอบ อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคนมาก ๆ น่าหมั่นไส้จริง ๆ
งานนี้เอ็ดเวิร์ดจะทำใจยอมรับได้หรือไม่ แล้วตกลงเบลล่าจะเลือกได้หรือเปล่าว่านางจะเลือกแวมไพร์หรือหมาป่า (แหม อยากมีแบบนี้มาให้เลือกบ้างจริง ๆ) ต้องไปตามอ่านกันในเรื่องนะคะ เราว่าสนุกพอตัวเลยค่ะ

เล่มที่ 3 ของหนังสือชุด Twilight แล้วนะคะ เรื่องราวความรักระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ แล้วก็รักสามเส้า เราสามคนของมนุษย์ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า เรื่องราวอินุงตุงนังจริง ๆ เลยนะคะว่าไหม แต่นี่คือนิยายวัยรุ่นที่โด่งดังที่สุดเล่มหนึ่ง มีคนรออ่านมากที่สุดเล่มหนึ่งค่ะ
ตอนอ่านเล่มหนึ่งเราชอบ อ่านเล่มสองเริ่มดร็อปลง แต่เล่มนี้ดีขึ้นมาหน่อยค่ะ เพราะว่าเนื้อเรื่องเริ่มมีอย่างอื่นมากกว่าการกล่าวถึงความรักของเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่าและเจคอบ มันเริ่มมีการต่อสู้ของแวมไพร์เพื่อล้างแค้นเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น และมีแขกพิเศษอย่างกลุ่มโวลตูรีมาด้วย เลยทำให้ Eclipse ดูแตกต่างจากสองเล่มแรกที่ผ่านมามากขึ้น เพราะสองเล่มแรกนั้นฉากแอคชั่นน้อยมากค่ะ
เล่มนี้จะกล่าวถึงการกลับมาล้างแค้นของวิคตอเรีย ซึ่งนางเคยปรากฏตัวในเล่มแรกค่ะ ครั้งนี้นางมาแบบกองทัพ ทำให้พวกคัลเลนต้องหันมาจับมือกับมนุษย์หมาป่าเผ่าควิลยูต และท่ามกลางการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้น เรื่องราวความรักที่เป็นรักสามเส้า เราสามคนของเอ็ดเวิร์ด เบลล่า และเจคอบ ก็ยังคนดำเนินต่อไปค่ะ ตอนอ่านเล่มสองจะรู้สึกสงสารเบลล่า อยากเชียร์เจคอบ เอ็ดเวิร์ดใจร้าย แต่อ่านเล่มสามนี่ อยากทะลุหนังสือเข้าไปจัดการยัยเบลล่าจริง ๆ นะคะ คือนางทำตัวเหมือนวันทองสองใจมากค่ะ รักเอ็ดเวิร์ด เสียดายเจคอบ อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคนมาก ๆ น่าหมั่นไส้จริง ๆ
งานนี้เอ็ดเวิร์ดจะทำใจยอมรับได้หรือไม่ แล้วตกลงเบลล่าจะเลือกได้หรือเปล่าว่านางจะเลือกแวมไพร์หรือหมาป่า (แหม อยากมีแบบนี้มาให้เลือกบ้างจริง ๆ) ต้องไปตามอ่านกันในเรื่องนะคะ เราว่าสนุกพอตัวเลยค่ะ

ธรณีนี่นี้ใครครอง เป็นบทประพันธ์ของกาญจนา นาคนันท์ ถูกนำมาสร้างเป็นละครถึงสองครั้งแล้วด้วยกันค่ะ ถ้าใครเคยดูละคร จะบอกว่าไม่แตกต่างจากในหนังสือเลยค่ะ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือยุคสมัยเท่านั้นเอง ในหนังสือ จะย้อนเวลากลับไปสมัยก่อน ดังนั้น สำนวนภาษาจึงค่อนข้างเก่า บรรยายซะเยอะค่ะ แต่ว่าก็อ่านสนุกอยู่เหมือนกัน
เนื้อเรื่องจะเน้นหนักไปที่เรื่องราวของเรือกสวนไร่นา การทำสวนของคุณย่า รวมไปถึงความสัมพันธ์ของอาทิจและดรุณี ที่ค่อย ๆ พัฒนาจากการที่ดรุณีไม่ชอบหน้าอาทิจเพราะกลัวมาแย่งความรักจากคุณย่า จนกระทั่งทั้งคู่เริ่มดีกัน ได้ใกล้ชิด ได้เรียนรู้กันและกันจนเกิดเป็นความรักโดยที่ทั้งคู่ยังไม่รู้ตัว
เราค่อนข้างชอบเนื้อหาในหนังสือนะคะ ตรงที่มันเป็นเรื่องราวที่สัมผัสได้ รวมไปถึงข้อคิดในการทดแทนคุณผืนแผ่นดิน สะท้อนภาพแนวคิดของเกษตรกรรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีค่ะ
แต่ว่า ด้วยลำดับเนื้อหาที่ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นมากมายนัก เนื้อหาก็จะดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่หวือหวา จะมีเหตุการณ์พีค ๆ แค่บางช่วงเท่านั้น
ในหนังสือไม่มีจุดไหนที่เราไม่ชอบค่ะ แต่อาจจะมีจุดที่น่าเบื่อบ้าง ต้องรีบพลิกไปโดยไว ก็จะเป็นช่วงที่ยัยตุ่นโผล่มาค่ะ ไม่รู้ซิ อ่านแล้วไม่ถูกชะตากับยัยตุ่น ยิ่งมีตอนที่พี่อาทิจพร่ำเพ้อพรรณนาถึงยัยตุ่นราวจะขาดใจทั้งที่น้องณีอยู่ตรงหน้า ยิ่งน่าหมั่นไส้เข้าไปใหญ่
หนังสือเล่มนี้ น่าจะเหมาะกับนักอ่านที่ชอบเรื่องเรียบ ๆ ไม่หวือหวานะคะ แต่ถ้าใครชอบแนวบู๊ล้างผลาญ หรือมีปมให้คิดอะไรเยอะแยะ เราว่าอาจจะเฉย ๆ กับเรื่องนี้ไปค่ะ

ธรณีนี่นี้ใครครอง เป็นบทประพันธ์ของกาญจนา นาคนันท์ ถูกนำมาสร้างเป็นละครถึงสองครั้งแล้วด้วยกันค่ะ ถ้าใครเคยดูละคร จะบอกว่าไม่แตกต่างจากในหนังสือเลยค่ะ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือยุคสมัยเท่านั้นเอง ในหนังสือ จะย้อนเวลากลับไปสมัยก่อน ดังนั้น สำนวนภาษาจึงค่อนข้างเก่า บรรยายซะเยอะค่ะ แต่ว่าก็อ่านสนุกอยู่เหมือนกัน
เนื้อเรื่องจะเน้นหนักไปที่เรื่องราวของเรือกสวนไร่นา การทำสวนของคุณย่า รวมไปถึงความสัมพันธ์ของอาทิจและดรุณี ที่ค่อย ๆ พัฒนาจากการที่ดรุณีไม่ชอบหน้าอาทิจเพราะกลัวมาแย่งความรักจากคุณย่า จนกระทั่งทั้งคู่เริ่มดีกัน ได้ใกล้ชิด ได้เรียนรู้กันและกันจนเกิดเป็นความรักโดยที่ทั้งคู่ยังไม่รู้ตัว
เราค่อนข้างชอบเนื้อหาในหนังสือนะคะ ตรงที่มันเป็นเรื่องราวที่สัมผัสได้ รวมไปถึงข้อคิดในการทดแทนคุณผืนแผ่นดิน สะท้อนภาพแนวคิดของเกษตรกรรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดีค่ะ
แต่ว่า ด้วยลำดับเนื้อหาที่ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นมากมายนัก เนื้อหาก็จะดำเนินไปเรื่อย ๆ ไม่หวือหวา จะมีเหตุการณ์พีค ๆ แค่บางช่วงเท่านั้น
ในหนังสือไม่มีจุดไหนที่เราไม่ชอบค่ะ แต่อาจจะมีจุดที่น่าเบื่อบ้าง ต้องรีบพลิกไปโดยไว ก็จะเป็นช่วงที่ยัยตุ่นโผล่มาค่ะ ไม่รู้ซิ อ่านแล้วไม่ถูกชะตากับยัยตุ่น ยิ่งมีตอนที่พี่อาทิจพร่ำเพ้อพรรณนาถึงยัยตุ่นราวจะขาดใจทั้งที่น้องณีอยู่ตรงหน้า ยิ่งน่าหมั่นไส้เข้าไปใหญ่
หนังสือเล่มนี้ น่าจะเหมาะกับนักอ่านที่ชอบเรื่องเรียบ ๆ ไม่หวือหวานะคะ แต่ถ้าใครชอบแนวบู๊ล้างผลาญ หรือมีปมให้คิดอะไรเยอะแยะ เราว่าอาจจะเฉย ๆ กับเรื่องนี้ไปค่ะ

เราชอบหนังสือ Grammar เล่มนี้มากเลยค่ะ เราว่ามันเหมาะสำหรับครูที่จะต้องสอนนักเรียน และผู้ที่ต้องการศึกษาหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยละเอียดค่ะ ใครที่เรียนเอกภาษาอังกฤษ หรือน้อง ๆ ที่อยากอ่านเพื่อหาความรู้ก็ต้องเล่มนี้ค่ะ
จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้อยู่ที่ความหนาเท่านั้นค่ะ บางคนเห็นว่าหนาก็แทบจะวางแล้ว แต่เราว่า ผู้แต่งใช้ภาษาที่ง่ายในการอธิบายหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และยังเรียงลำดับเนื้อหาไวยากรณ์เอาไว้เป็นลำดับได้ดีมาก อีกทั้งยังมีตัวอย่างการใช้ประโยค รูปประโยคต่าง ๆ แทรกเอาไว้ให้จำนวนมากด้วยเช่นกัน
สำหรับหลักไวยากรณ์ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด เรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกเรื่องที่เด็กไทยต้องเรียน และต้องนำไปใช้สอบแล้วล่ะค่ะ และยังสามารถใช้ช่วยในการเขียน writing ต่าง ๆ ที่ต้องเจอในโรงเรียนได้ด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ มัธยมต้น มัธยมปลาย หรือแม้แต่นิสิต นักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย หรือผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความรู้ไวยากรณ์ ครูอาจารย์ที่ต้องการหาหนังสืออ้างอิงประกอบการสอน เล่มนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวค่ะ ส่วนคนที่อ่อนไวยากรณ์ หรือต้องการศึกษาด้วยตัวเอง เล่มนี้ก็น่าจะใช้ได้ดีเช่นกันค่ะ ผู้เขียนก็ใช้ภาษาที่อ่านง่าย มีตัวอย่างแสดงให้เห็น แต่อ่าน ๆ ไปอย่าเพิ่งเบื่อเพราะความหนานะคะ แนะนำว่า เรียนเรื่องอะไร เลือกอ่านแต่เรื่องนั้น จะได้ไม่ดูเยอะจนเกินไปค่ะ
ใครที่กลัวอยู่ว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องค่อย ๆ อ่านไปค่ะ ใช้ตัวอย่างที่มีอยู่ในหนังสือนั่นแหละช่วย การอ่านหนังสือแนวนี้ต้องใช้ความอดทนและสมาธิในการทำความเข้าใจสูงค่ะ ยังไงให้กำลังใจคนที่อยากพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเอง ลองดูหนังสือเล่มนี้กันนะคะ

เราชอบหนังสือ Grammar เล่มนี้มากเลยค่ะ เราว่ามันเหมาะสำหรับครูที่จะต้องสอนนักเรียน และผู้ที่ต้องการศึกษาหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยละเอียดค่ะ ใครที่เรียนเอกภาษาอังกฤษ หรือน้อง ๆ ที่อยากอ่านเพื่อหาความรู้ก็ต้องเล่มนี้ค่ะ
จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้อยู่ที่ความหนาเท่านั้นค่ะ บางคนเห็นว่าหนาก็แทบจะวางแล้ว แต่เราว่า ผู้แต่งใช้ภาษาที่ง่ายในการอธิบายหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ และยังเรียงลำดับเนื้อหาไวยากรณ์เอาไว้เป็นลำดับได้ดีมาก อีกทั้งยังมีตัวอย่างการใช้ประโยค รูปประโยคต่าง ๆ แทรกเอาไว้ให้จำนวนมากด้วยเช่นกัน
สำหรับหลักไวยากรณ์ที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด เรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุกเรื่องที่เด็กไทยต้องเรียน และต้องนำไปใช้สอบแล้วล่ะค่ะ และยังสามารถใช้ช่วยในการเขียน writing ต่าง ๆ ที่ต้องเจอในโรงเรียนได้ด้วย ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นน้อง ๆ มัธยมต้น มัธยมปลาย หรือแม้แต่นิสิต นักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย หรือผู้ที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติม ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความรู้ไวยากรณ์ ครูอาจารย์ที่ต้องการหาหนังสืออ้างอิงประกอบการสอน เล่มนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวค่ะ ส่วนคนที่อ่อนไวยากรณ์ หรือต้องการศึกษาด้วยตัวเอง เล่มนี้ก็น่าจะใช้ได้ดีเช่นกันค่ะ ผู้เขียนก็ใช้ภาษาที่อ่านง่าย มีตัวอย่างแสดงให้เห็น แต่อ่าน ๆ ไปอย่าเพิ่งเบื่อเพราะความหนานะคะ แนะนำว่า เรียนเรื่องอะไร เลือกอ่านแต่เรื่องนั้น จะได้ไม่ดูเยอะจนเกินไปค่ะ
ใครที่กลัวอยู่ว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องค่อย ๆ อ่านไปค่ะ ใช้ตัวอย่างที่มีอยู่ในหนังสือนั่นแหละช่วย การอ่านหนังสือแนวนี้ต้องใช้ความอดทนและสมาธิในการทำความเข้าใจสูงค่ะ ยังไงให้กำลังใจคนที่อยากพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเอง ลองดูหนังสือเล่มนี้กันนะคะ

International Best Seller อีกเล่มของ Dan Brown ค่ะ สำหรับ Inferno หรือชื่อภาษาไทยว่า “สู่นรกภูมิ” ชื่อดูน่ากลัวจริง ๆ เพราะว่า Inferno เป็นบทประพันธ์ของ ดันเต อาลีกีเอรี ที่กล่าวถึงการท่องไปในนรกภูมิค่ะ
เรื่องนี้เป็นการผจญภัยของศาสตราจารย์โรเบิร์ต แลงดอนอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ศาสตราจารย์แลงดอนต้องใช้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์สัญลักษณ์ และความรู้ทางศิลปะ ในการถอดรหัสลับ และทำให้ค้นพบว่าเรื่องราวนี้ใหญ่โตมากแค่ไหน และเกี่ยวพันกับองค์กรใหญ่ระดับโลกอย่างไร
สิ่งที่ดีงามของหนังสือเล่มนี้คือ ความตื่นเต้นในการผจญภัยของศาสตราจารย์แลงดอนค่ะ เรื่องเริ่มมาแบบงง ๆ เพราะตัวละครเองก็งงว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วค่อย ๆ ไล่ไปสู่จุดเริ่มต้นของการมาถึง และสิ่งที่ศาสตราจารย์แลงดอนจะต้องทำเพื่อไขปริศนา โดยเล่มนี้มีผู้หญิงคนใหม่มาช่วยไขปริศนาด้วย แต่สิ่งที่ต่างจากเล่มอื่นคือ หญิงสาวในเล่มนี้จะเป็นผู้กุมความลับทุกสิ่งอย่าง เป็นตัวไขปริศนาได้เลยทีเดียว
นอกจากความสนุก ความตื่นเต้นที่ได้ผจญภัยร่วมกับศาสตราจารย์แลงดอนแล้ว Inferno ยังทำให้เราได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในอิตาลีได้มากมาย ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ศิลปะด้วยค่ะ
สำหรับเรานะคะ ช่วงต้นของเรื่องสนุกมาก แล้วจู่ ๆ เราก็รู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งง่วง เนื้อเรื่องเหมือนกำลังจะพีค แต่โดนดึงลงมา แล้วก็ราบเรียบไปเลย ไร้ซึ่งความน่าสนุกใด ๆ จนท้าย ๆ ของเรื่องที่กลับมาสนุกขึ้นอีกครั้ง อันนี้ถือว่าพลาดไปนิดนึงค่ะ เพราะช่วงนั้นอ่านไปหาวไป ไม่ได้รู้สึกน่าติดตามขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนตอนอ่านเทวาซาตาน หรือรหัสลับดาวินชีค่ะ
ใครชอบแนวการเขียนของ Dan Brown เราก็แนะนำให้อ่านค่ะ สนุกดี

International Best Seller อีกเล่มของ Dan Brown ค่ะ สำหรับ Inferno หรือชื่อภาษาไทยว่า “สู่นรกภูมิ” ชื่อดูน่ากลัวจริง ๆ เพราะว่า Inferno เป็นบทประพันธ์ของ ดันเต อาลีกีเอรี ที่กล่าวถึงการท่องไปในนรกภูมิค่ะ
เรื่องนี้เป็นการผจญภัยของศาสตราจารย์โรเบิร์ต แลงดอนอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ศาสตราจารย์แลงดอนต้องใช้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์สัญลักษณ์ และความรู้ทางศิลปะ ในการถอดรหัสลับ และทำให้ค้นพบว่าเรื่องราวนี้ใหญ่โตมากแค่ไหน และเกี่ยวพันกับองค์กรใหญ่ระดับโลกอย่างไร
สิ่งที่ดีงามของหนังสือเล่มนี้คือ ความตื่นเต้นในการผจญภัยของศาสตราจารย์แลงดอนค่ะ เรื่องเริ่มมาแบบงง ๆ เพราะตัวละครเองก็งงว่ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วค่อย ๆ ไล่ไปสู่จุดเริ่มต้นของการมาถึง และสิ่งที่ศาสตราจารย์แลงดอนจะต้องทำเพื่อไขปริศนา โดยเล่มนี้มีผู้หญิงคนใหม่มาช่วยไขปริศนาด้วย แต่สิ่งที่ต่างจากเล่มอื่นคือ หญิงสาวในเล่มนี้จะเป็นผู้กุมความลับทุกสิ่งอย่าง เป็นตัวไขปริศนาได้เลยทีเดียว
นอกจากความสนุก ความตื่นเต้นที่ได้ผจญภัยร่วมกับศาสตราจารย์แลงดอนแล้ว Inferno ยังทำให้เราได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในอิตาลีได้มากมาย ได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ศิลปะด้วยค่ะ
สำหรับเรานะคะ ช่วงต้นของเรื่องสนุกมาก แล้วจู่ ๆ เราก็รู้สึกว่ายิ่งอ่านยิ่งง่วง เนื้อเรื่องเหมือนกำลังจะพีค แต่โดนดึงลงมา แล้วก็ราบเรียบไปเลย ไร้ซึ่งความน่าสนุกใด ๆ จนท้าย ๆ ของเรื่องที่กลับมาสนุกขึ้นอีกครั้ง อันนี้ถือว่าพลาดไปนิดนึงค่ะ เพราะช่วงนั้นอ่านไปหาวไป ไม่ได้รู้สึกน่าติดตามขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนตอนอ่านเทวาซาตาน หรือรหัสลับดาวินชีค่ะ
ใครชอบแนวการเขียนของ Dan Brown เราก็แนะนำให้อ่านค่ะ สนุกดี

บทประพันธ์เรื่อง “คู่กรรม” ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของคุณหญิงเลยก็ว่าได้ค่ะ นักอ่านทุกคนไม่ควรพลาดคู่กรรมด้วยประการทั้งปวง บทประพันธ์เรื่องนี้นำกลับมาทำเป็นละคร หรือภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะได้รับความสนใจเสมอ
“คู่กรรม” กล่าวถึงความรักของทหารญี่ปุ่นที่ชื่อโกโบริ กับอังศุมาลิน หญิงสาวชาวไทย ความรักค่อย ๆ เกิดขึ้นท่ามกลางไฟสงครามและความเกลียดชัง เนื่องจากอังศุมาลินเกลียดสงคราม เกลียดต้นเหตุของสงคราม นั่นคือชนชาติญี่ปุ่น และเมื่อเธอจำต้องแต่งงานกับโกโบริด้วยเหตุผลทางการเมือง แม้ว่าโกโบริจะทำดีต่อเธอแค่ไหน เธอก็ยังเกลียดชัง จนกระทั่งความตายมาพรากจากกัน อังศุมาลินถึงได้รู้ว่าเธอรักโกโบริมากแค่ไหน
ส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้เนื้อเรื่องกันอยู่แล้วนะคะ แต่สิ่งที่แทรกในเนื้อเรื่องไม่ได้มีแค่เรื่องราวความรักเท่านั้น คุณหญิงได้แทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพบ้านเมืองในยุคสมัยนั้นว่าเกิดความวุ่นวายมากเพียงใด ใครที่ไม่ชอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เชื่อว่าถ้าอ่านคู่กรรมจะได้รับความรู้แน่นอนค่ะ
เนื้อเรื่องไม่ได้มีแค่พาร์ทหนัก ๆ เท่านั้นนะคะ ยังมีส่วนที่กุ๊กกิ๊กน่ารักให้เราเห็นเป็นระยะจากความน่ารักของโกโบริ ที่พยายามจะพิชิตใจอังศุมาลิน อ่านแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ค่ะ แต่อังศุมาลินนี่ขัดใจสุด นางแข็งกร้าวและไม่ลงให้โกโบริแม้แต่น้อย แถมชอบทำร้ายจิตใจโกโบริอีกต่างหาก
ถ้าไม่พูดถึงฉากจบของเรื่องคงไม่ได้ค่ะ นี่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเรื่องเลย ตอนที่พี่เบิร์ดเล่นกับพี่กวาง พอมาถึงฉากนี้ถนนโล่งมาก พอได้อ่านเวอร์ชั่นหนังสือ น้ำตาก็ไหลพรากไม่แพ้กันค่ะ เป็นความรู้สึกสงสารโกโบริ สงสารอังศุมาลิน เศร้ามาก
ถ้าได้ชื่อว่าเป็นนักอ่าน ก็ไม่ควรพลาดคู่กรรมค่ะ

บทประพันธ์เรื่อง “คู่กรรม” ถือเป็นผลงานชิ้นเอกของคุณหญิงเลยก็ว่าได้ค่ะ นักอ่านทุกคนไม่ควรพลาดคู่กรรมด้วยประการทั้งปวง บทประพันธ์เรื่องนี้นำกลับมาทำเป็นละคร หรือภาพยนตร์หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งก็จะได้รับความสนใจเสมอ
“คู่กรรม” กล่าวถึงความรักของทหารญี่ปุ่นที่ชื่อโกโบริ กับอังศุมาลิน หญิงสาวชาวไทย ความรักค่อย ๆ เกิดขึ้นท่ามกลางไฟสงครามและความเกลียดชัง เนื่องจากอังศุมาลินเกลียดสงคราม เกลียดต้นเหตุของสงคราม นั่นคือชนชาติญี่ปุ่น และเมื่อเธอจำต้องแต่งงานกับโกโบริด้วยเหตุผลทางการเมือง แม้ว่าโกโบริจะทำดีต่อเธอแค่ไหน เธอก็ยังเกลียดชัง จนกระทั่งความตายมาพรากจากกัน อังศุมาลินถึงได้รู้ว่าเธอรักโกโบริมากแค่ไหน
ส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้เนื้อเรื่องกันอยู่แล้วนะคะ แต่สิ่งที่แทรกในเนื้อเรื่องไม่ได้มีแค่เรื่องราวความรักเท่านั้น คุณหญิงได้แทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ทำให้ผู้อ่านเห็นภาพบ้านเมืองในยุคสมัยนั้นว่าเกิดความวุ่นวายมากเพียงใด ใครที่ไม่ชอบเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เชื่อว่าถ้าอ่านคู่กรรมจะได้รับความรู้แน่นอนค่ะ
เนื้อเรื่องไม่ได้มีแค่พาร์ทหนัก ๆ เท่านั้นนะคะ ยังมีส่วนที่กุ๊กกิ๊กน่ารักให้เราเห็นเป็นระยะจากความน่ารักของโกโบริ ที่พยายามจะพิชิตใจอังศุมาลิน อ่านแล้วก็อดยิ้มตามไม่ได้ค่ะ แต่อังศุมาลินนี่ขัดใจสุด นางแข็งกร้าวและไม่ลงให้โกโบริแม้แต่น้อย แถมชอบทำร้ายจิตใจโกโบริอีกต่างหาก
ถ้าไม่พูดถึงฉากจบของเรื่องคงไม่ได้ค่ะ นี่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของเรื่องเลย ตอนที่พี่เบิร์ดเล่นกับพี่กวาง พอมาถึงฉากนี้ถนนโล่งมาก พอได้อ่านเวอร์ชั่นหนังสือ น้ำตาก็ไหลพรากไม่แพ้กันค่ะ เป็นความรู้สึกสงสารโกโบริ สงสารอังศุมาลิน เศร้ามาก
ถ้าได้ชื่อว่าเป็นนักอ่าน ก็ไม่ควรพลาดคู่กรรมค่ะ

ความรักเสลาสลัก สวยใส
งามใดเล่างามใด เทียบได้ งดงาม
ความรัก
จรดลึกในความทรงจำ
ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก
นิรันดร นั้นนานนัก
แต่รักนี้ นานกว่านั้น

ทรรศิกา .. กลับกาสิก กลับอิสินธร บ้านเราเถิด

“ดั่งดวงหฤทัย” ถือว่าเป็น นิยายโรแมนติกฉบับเจ้าชายเจ้าหญิง อาจจะออกแนวเพ้อฝันสำหรับใครบางคน แต่หากมองลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว บทประพันธ์นี้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสละสลวย ใช้ภาษาที่ใช้สวยงาม ไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็ทำให้ผู้อ่านอย่างเรา ๆ สัมผัสได้ถึงความรักที่เจ้าหลวงรังสิมันต์มีต่อฟ้าหญิงทรรศิกา สัมผัสได้ว่าฟ้าหญิงทรรศิกาก็คอยเป็นห่วงเป็นใยเจ้าหลวง ผู้อ่านอ่านไปอาจจะขัดใจเมื่อเจ้าหลวงใจร้อน มุทะลุ แต่ก็อาจจะอมยิ้มตามได้ในอีกไม่นาน เมื่อเจ้าหลวงผู้น่าเกรงขามเป็นฝ่ายโกรธเอง และก็ต้องมาง้อเอง อ่าน ๆ ไปก็อดมโนว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงทรรศิกาไม่ได้ และยังอาจจะอดหัวเราะไปกับความซื่อของกระวานที่คอยกวนคุณราชิด และคอยถามนั่นนี่กับคุณมาลัยตลอดเวลา
ถึงแม้จะเป็นนิยายรักโรแมนติก แต่บทประพันธ์ก็สอดแทรกด้วยความขัดแย้งของทั้งสามรัฐที่เกิดขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางการเมืองและการทหารของทั้ง 3 รัฐ อันนำไปสู่ความเข้าใจผิดของ ฟ้าหญิงทรรศิกา และนำไปสู่การสลับคู่ผิดฝาผิดตัวอีกด้วย
ถ้าหากจะมองหาหนังสือสักเล่มที่อ่านแล้วอิ่มใจ "ดั่งดวงหฤทัย" เป็นทางเลือกที่ดีมากค่ะ ... และเมื่อปิดหนังสือลงแล้ว สาว ๆ หลายคนอาจจะอยากตามเจ้าหลวงรังสิมันต์กลับอิสินธรก็ได้

ความรักเสลาสลัก สวยใส
งามใดเล่างามใด เทียบได้ งดงาม
ความรัก
จรดลึกในความทรงจำ
ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก
นิรันดร นั้นนานนัก
แต่รักนี้ นานกว่านั้น

ทรรศิกา .. กลับกาสิก กลับอิสินธร บ้านเราเถิด

“ดั่งดวงหฤทัย” ถือว่าเป็น นิยายโรแมนติกฉบับเจ้าชายเจ้าหญิง อาจจะออกแนวเพ้อฝันสำหรับใครบางคน แต่หากมองลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว บทประพันธ์นี้ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างสละสลวย ใช้ภาษาที่ใช้สวยงาม ไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็ทำให้ผู้อ่านอย่างเรา ๆ สัมผัสได้ถึงความรักที่เจ้าหลวงรังสิมันต์มีต่อฟ้าหญิงทรรศิกา สัมผัสได้ว่าฟ้าหญิงทรรศิกาก็คอยเป็นห่วงเป็นใยเจ้าหลวง ผู้อ่านอ่านไปอาจจะขัดใจเมื่อเจ้าหลวงใจร้อน มุทะลุ แต่ก็อาจจะอมยิ้มตามได้ในอีกไม่นาน เมื่อเจ้าหลวงผู้น่าเกรงขามเป็นฝ่ายโกรธเอง และก็ต้องมาง้อเอง อ่าน ๆ ไปก็อดมโนว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงทรรศิกาไม่ได้ และยังอาจจะอดหัวเราะไปกับความซื่อของกระวานที่คอยกวนคุณราชิด และคอยถามนั่นนี่กับคุณมาลัยตลอดเวลา
ถึงแม้จะเป็นนิยายรักโรแมนติก แต่บทประพันธ์ก็สอดแทรกด้วยความขัดแย้งของทั้งสามรัฐที่เกิดขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องราวทางการเมืองและการทหารของทั้ง 3 รัฐ อันนำไปสู่ความเข้าใจผิดของ ฟ้าหญิงทรรศิกา และนำไปสู่การสลับคู่ผิดฝาผิดตัวอีกด้วย
ถ้าหากจะมองหาหนังสือสักเล่มที่อ่านแล้วอิ่มใจ "ดั่งดวงหฤทัย" เป็นทางเลือกที่ดีมากค่ะ ... และเมื่อปิดหนังสือลงแล้ว สาว ๆ หลายคนอาจจะอยากตามเจ้าหลวงรังสิมันต์กลับอิสินธรก็ได้

Digital Fortress หรือล่ารหัสมรณะ เป็นนิยายที่เป็น International Best Seller อีกเล่มของ Dan Brown แถมหนังสือนิยายเล่มนี้ ยังเป็นเรื่องที่ Dan Brown ออกจากวงการศาสนาเต็ม ๆ ด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา หรือประวัติศาสตร์เลย แต่เกี่ยวกับเทคโนโลยีล้วน ๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากเรื่องหนึ่ง อ่านแล้วเราไม่สามารถเดาได้เลยว่าใครคือเบื้องลึกเบื้องหลังจริงทั้งหมด นิยายเต็มไปด้วยการหักหลัง ซับซ้อน มีทั้งเรื่องของความรัก หน้าที่ และการทำงานแข่งกับเวลาเพื่อรักษาความมั่นคงของ NSA เอาไว้ด้วย พอมาเฉลยตอนจบนี่แทบกรีดร้อง เหมือนสิ่งที่สงสัยมาทั้งหมดคลายปมลงไป แล้วก็ช็อกเล็ก ๆ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ เราอ่านแล้วเรายังสงสารสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครที่เป็นเสมือนผู้ร้ายเหมือนกันนะคะ หากเค้าได้รับโอกาส และไม่มีการดูถูกเหยียดหยามกัน เรื่องราวเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น ก็ทำให้เราคิดได้เหมือนกันว่าเราควรปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร
พออ่านเรื่องนี้จบ เราอยากคารวะ Dan Brown สักสามจอกเลยค่ะ เค้าเป็นนักเขียนที่ทำการบ้านมาดีมาก และทำให้เราลุ้น ทำให้เราตื่นเต้นตามไปกับทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่อง ลำดับความคิดของเรื่องก็ชัดเจน มีความต่อเนื่องของเนื้อหา ช่วงที่กำลังพีคกับเรื่องราวฝั่ง NSA อยู่นั้น Dan Brown ก็จะตัดบทไปให้เราได้ลุ้นกับอีกฝั่งที่กำลังพยายามทำลาย NSA อยู่ แถมยังแทรกการทรยศหักหลังกันไว้ด้วย ยิ่งมาถึงช่วงพีคที่สุดที่จะต้องไขรหัส และพิมพ์รหัสนั้นลงไปให้ทันเวลา ยิ่งตื่นเต้น ลุ้นตามว่าหน้าถัดไปที่เปิดอ่านจะเป็นยังไง
ถ้าซูซาน นางเอกของเรื่องเก่งแล้วนั้น เราขอยกให้ Dan Brown เป็นเทพไปเลยค่ะ สุดยอดจริง ๆ เรื่องนี้

Digital Fortress หรือล่ารหัสมรณะ เป็นนิยายที่เป็น International Best Seller อีกเล่มของ Dan Brown แถมหนังสือนิยายเล่มนี้ ยังเป็นเรื่องที่ Dan Brown ออกจากวงการศาสนาเต็ม ๆ ด้วย เพราะเรื่องนี้ไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับศาสนา หรือประวัติศาสตร์เลย แต่เกี่ยวกับเทคโนโลยีล้วน ๆ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราชอบมากเรื่องหนึ่ง อ่านแล้วเราไม่สามารถเดาได้เลยว่าใครคือเบื้องลึกเบื้องหลังจริงทั้งหมด นิยายเต็มไปด้วยการหักหลัง ซับซ้อน มีทั้งเรื่องของความรัก หน้าที่ และการทำงานแข่งกับเวลาเพื่อรักษาความมั่นคงของ NSA เอาไว้ด้วย พอมาเฉลยตอนจบนี่แทบกรีดร้อง เหมือนสิ่งที่สงสัยมาทั้งหมดคลายปมลงไป แล้วก็ช็อกเล็ก ๆ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย
นอกจากนี้ เราอ่านแล้วเรายังสงสารสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครที่เป็นเสมือนผู้ร้ายเหมือนกันนะคะ หากเค้าได้รับโอกาส และไม่มีการดูถูกเหยียดหยามกัน เรื่องราวเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น ก็ทำให้เราคิดได้เหมือนกันว่าเราควรปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร
พออ่านเรื่องนี้จบ เราอยากคารวะ Dan Brown สักสามจอกเลยค่ะ เค้าเป็นนักเขียนที่ทำการบ้านมาดีมาก และทำให้เราลุ้น ทำให้เราตื่นเต้นตามไปกับทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในเรื่อง ลำดับความคิดของเรื่องก็ชัดเจน มีความต่อเนื่องของเนื้อหา ช่วงที่กำลังพีคกับเรื่องราวฝั่ง NSA อยู่นั้น Dan Brown ก็จะตัดบทไปให้เราได้ลุ้นกับอีกฝั่งที่กำลังพยายามทำลาย NSA อยู่ แถมยังแทรกการทรยศหักหลังกันไว้ด้วย ยิ่งมาถึงช่วงพีคที่สุดที่จะต้องไขรหัส และพิมพ์รหัสนั้นลงไปให้ทันเวลา ยิ่งตื่นเต้น ลุ้นตามว่าหน้าถัดไปที่เปิดอ่านจะเป็นยังไง
ถ้าซูซาน นางเอกของเรื่องเก่งแล้วนั้น เราขอยกให้ Dan Brown เป็นเทพไปเลยค่ะ สุดยอดจริง ๆ เรื่องนี้

สาปภูษา เป็นนิยายในชุดผ้าอาถรรพ์ ถูกนำไปสร้างเป็นละครทางช่อง 3 มาแล้วค่ะ เราดูละครจบแล้วจึงไปหาหนังสือมาอ่านบ้างค่ะ แอบตกใจเล็ก ๆ ที่คนแต่งนิยายชุดนี้เป็นคุณหมอด้วย
สำหรับนิยายชุดนี้จะกล่าวถึงอาถรรพ์ของผ้าแต่ละชาติ ซึ่งในสาปภูษา จะเป็นอาถรรพ์ของผ้าลาว เรื่องราวก็จะเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังของเจ้าสีเกด ความรักและความแค้นทำให้เธอสาปแช่งผู้เกี่ยวข้องทุกคนจนเกิดเรื่องราวอาถรรพ์ขึ้นมากมาย
เมื่อได้อ่านแล้ว เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอดสงสารเจ้าสีเกดไม่ได้ค่ะ เราว่าเธอไม่ได้มีความร้ายกาจอะไรเลยนะคะ แต่ความรักที่ผิดหวัง อีกทั้งยังถูกกระทำสารพัด ทำให้เธอเลือกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเธอก็ได้รับผลร้ายต้องรับเวรกรรมจากสิ่งที่เธอกระทำ แต่ถ้าคิดไปถึงต้นตอแล้ว ก็อดสงสารเธอไม่ได้ค่ะ จะเรียกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวส่งผลให้เธอร้ายก็ได้มั้งคะ
ไม่น่าเชื่อว่าคุณหมอจะแต่งนิยายได้โดนใจเช่นนี้ ทั้งสำนวนภาษา ทั้งโครงเรื่อง วางพล็อตเรื่องไว้ได้ดีมากค่ะ เราชอบช่วงท้ายของนิยายมากเลย เป็นจุดพีคที่ประทับใจ ตอนดูละครก็เห็นว่านักแสดงเล่นได้ดี อินไปกับบท ตอนอ่านเรายิ่งอินตามเลยค่ะ สงสารเจ้าสีเกดมาก
ถ้าได้อ่านเรื่องสาปภูษา เราเชื่อว่าจะต้องได้ข้อคิด ได้เครื่องเตือนใจหลายอย่างค่ะ คุณผู้ชายคนไหนที่หลายใจ ก็จะได้เห็นเวรกรรมที่เกิดขึ้นกับท่านชายทัด หรือการที่รักจนไร้สติ จนไม่คิดถึงผิดชอบชั่วดีอย่างเจ้าสีเกด ถึงจะน่าสงสารแค่ไหน แต่เธอก็ต้องรับผลกรรมเช่นกัน แล้วมันก็จะเป็นบ่วงให้เราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบด้วย
ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านสาปภูษานะคะ ไม่แนะนำให้อ่านคนเดียวตอนกลางคืนค่ะ บรื๋ออ

สาปภูษา เป็นนิยายในชุดผ้าอาถรรพ์ ถูกนำไปสร้างเป็นละครทางช่อง 3 มาแล้วค่ะ เราดูละครจบแล้วจึงไปหาหนังสือมาอ่านบ้างค่ะ แอบตกใจเล็ก ๆ ที่คนแต่งนิยายชุดนี้เป็นคุณหมอด้วย
สำหรับนิยายชุดนี้จะกล่าวถึงอาถรรพ์ของผ้าแต่ละชาติ ซึ่งในสาปภูษา จะเป็นอาถรรพ์ของผ้าลาว เรื่องราวก็จะเกี่ยวกับความรักที่ไม่สมหวังของเจ้าสีเกด ความรักและความแค้นทำให้เธอสาปแช่งผู้เกี่ยวข้องทุกคนจนเกิดเรื่องราวอาถรรพ์ขึ้นมากมาย
เมื่อได้อ่านแล้ว เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงอดสงสารเจ้าสีเกดไม่ได้ค่ะ เราว่าเธอไม่ได้มีความร้ายกาจอะไรเลยนะคะ แต่ความรักที่ผิดหวัง อีกทั้งยังถูกกระทำสารพัด ทำให้เธอเลือกทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเธอก็ได้รับผลร้ายต้องรับเวรกรรมจากสิ่งที่เธอกระทำ แต่ถ้าคิดไปถึงต้นตอแล้ว ก็อดสงสารเธอไม่ได้ค่ะ จะเรียกว่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวส่งผลให้เธอร้ายก็ได้มั้งคะ
ไม่น่าเชื่อว่าคุณหมอจะแต่งนิยายได้โดนใจเช่นนี้ ทั้งสำนวนภาษา ทั้งโครงเรื่อง วางพล็อตเรื่องไว้ได้ดีมากค่ะ เราชอบช่วงท้ายของนิยายมากเลย เป็นจุดพีคที่ประทับใจ ตอนดูละครก็เห็นว่านักแสดงเล่นได้ดี อินไปกับบท ตอนอ่านเรายิ่งอินตามเลยค่ะ สงสารเจ้าสีเกดมาก
ถ้าได้อ่านเรื่องสาปภูษา เราเชื่อว่าจะต้องได้ข้อคิด ได้เครื่องเตือนใจหลายอย่างค่ะ คุณผู้ชายคนไหนที่หลายใจ ก็จะได้เห็นเวรกรรมที่เกิดขึ้นกับท่านชายทัด หรือการที่รักจนไร้สติ จนไม่คิดถึงผิดชอบชั่วดีอย่างเจ้าสีเกด ถึงจะน่าสงสารแค่ไหน แต่เธอก็ต้องรับผลกรรมเช่นกัน แล้วมันก็จะเป็นบ่วงให้เราเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบด้วย
ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านสาปภูษานะคะ ไม่แนะนำให้อ่านคนเดียวตอนกลางคืนค่ะ บรื๋ออ

เราเคยอ่านเรื่องนี้ในเน็ตนะคะ แล้วก็ไม่ได้อ่านต่อเพราะเค้าตีพิมพ์เป็นหนังสือ ก็ยังไม่ได้ซื้อมาอ่าน หาไม่เจอซะที แต่พอได้มาอ่านก็ยาวค่ะ 55 ใกล้จบแล้วแต่ขอมารีวิวก่อน เพราะว่าชอบค่ะ ชอบมากกก อิอิ
24-44 รักนี้มิอาจกั้น เลขสองตัวนั้นคืออายุของนางเอกกับพระเอกค่ะ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ พระเอกน่ะอายุ 44 ส่วนนางเอกอายุแค่ 24 เป็นพ่อลูกกันได้เลยเนอะ
เรื่องนี้จะเป็นตอนที่ต่อเนื่องมาจากเรื่องราวของพ่อแม่นางเอกค่ะ พ่อแม่นางเอกจะรู้จักและเป็นพี่น้องที่สนิทกันกับพระเอก นับถือกันเหมือนคนในครอบครัวเลย พระเอกก็เห็นนางเอกตั้งแต่เกิดเลยนะคะ เรียกว่าเลี้ยงดูกันมาเลย แต่อิท่าไหนไม่รู้คุณพระเอกดันตกหลุมรักน้องน้อยของเค้า ส่วนนางเอกของเราเค้าก็รักพระเอกค่ะ รักต่างวัยขนาดนี้ แถมยังมีคุณพ่อจอมหวงลูกสาวอีก อุปสรรคจะเยอะอีนุงตุงนังขนาดไหน ต้องไปอ่านกันค่ะ
เราว่าคุณ ป.ศิลา ผู้เขียนเข้าใจเลือกพล็อตเรื่องดีนะคะ เป็นความรักต่างวัยที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง แล้วก็เสนอในมุมมองความรักที่เกิดจากการค่อย ๆ บ่มเพาะความรักกันมา ต้องเผชิญอุปสรรคร่วมกัน สิ่งหนึ่งที่เราชอบคือ พระเอกกับนางเอกเรื่องนี้ทันคนค่ะ แล้วก็มั่นคงในความรักมากด้วย เวลามีเรื่องอะไรจะพยายามหันหน้าเข้าหากัน คุยกัน รับฟังกัน นอกจากจะมีเรื่องของความรักต่างวัยแล้ว ยังมีความรักของคนอีกสองคู่ที่แสดงให้เห็นในเรื่อง แล้วก็ความรักของคนในครอบครัวด้วยนะคะ
เราว่าหนังสือเล่มนี้อ่านเพลิน ๆ ก็สนุกดีค่ะ ยิ่งสาว ๆ คนไหนแอบชอบหนุ่มใหญ่ด้วยแล้วล่ะก็ เล่มนี้อาจทำให้คุณหลงรักพระเอกได้เลยนะคะ

เราเคยอ่านเรื่องนี้ในเน็ตนะคะ แล้วก็ไม่ได้อ่านต่อเพราะเค้าตีพิมพ์เป็นหนังสือ ก็ยังไม่ได้ซื้อมาอ่าน หาไม่เจอซะที แต่พอได้มาอ่านก็ยาวค่ะ 55 ใกล้จบแล้วแต่ขอมารีวิวก่อน เพราะว่าชอบค่ะ ชอบมากกก อิอิ
24-44 รักนี้มิอาจกั้น เลขสองตัวนั้นคืออายุของนางเอกกับพระเอกค่ะ อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ พระเอกน่ะอายุ 44 ส่วนนางเอกอายุแค่ 24 เป็นพ่อลูกกันได้เลยเนอะ
เรื่องนี้จะเป็นตอนที่ต่อเนื่องมาจากเรื่องราวของพ่อแม่นางเอกค่ะ พ่อแม่นางเอกจะรู้จักและเป็นพี่น้องที่สนิทกันกับพระเอก นับถือกันเหมือนคนในครอบครัวเลย พระเอกก็เห็นนางเอกตั้งแต่เกิดเลยนะคะ เรียกว่าเลี้ยงดูกันมาเลย แต่อิท่าไหนไม่รู้คุณพระเอกดันตกหลุมรักน้องน้อยของเค้า ส่วนนางเอกของเราเค้าก็รักพระเอกค่ะ รักต่างวัยขนาดนี้ แถมยังมีคุณพ่อจอมหวงลูกสาวอีก อุปสรรคจะเยอะอีนุงตุงนังขนาดไหน ต้องไปอ่านกันค่ะ
เราว่าคุณ ป.ศิลา ผู้เขียนเข้าใจเลือกพล็อตเรื่องดีนะคะ เป็นความรักต่างวัยที่ไม่ค่อยมีใครนึกถึง แล้วก็เสนอในมุมมองความรักที่เกิดจากการค่อย ๆ บ่มเพาะความรักกันมา ต้องเผชิญอุปสรรคร่วมกัน สิ่งหนึ่งที่เราชอบคือ พระเอกกับนางเอกเรื่องนี้ทันคนค่ะ แล้วก็มั่นคงในความรักมากด้วย เวลามีเรื่องอะไรจะพยายามหันหน้าเข้าหากัน คุยกัน รับฟังกัน นอกจากจะมีเรื่องของความรักต่างวัยแล้ว ยังมีความรักของคนอีกสองคู่ที่แสดงให้เห็นในเรื่อง แล้วก็ความรักของคนในครอบครัวด้วยนะคะ
เราว่าหนังสือเล่มนี้อ่านเพลิน ๆ ก็สนุกดีค่ะ ยิ่งสาว ๆ คนไหนแอบชอบหนุ่มใหญ่ด้วยแล้วล่ะก็ เล่มนี้อาจทำให้คุณหลงรักพระเอกได้เลยนะคะ

เป็นตอนจบของนิยายวัยรุ่นของสเตฟานี เมเยอร์ที่บอกเลยว่าไม่ผิดหวังค่ะ สำหรับ Twilight 4.2 ในชื่อตอนว่า Breaking Dawn หรือ รุ่งอรุโณทัย ซึ่งสเตฟานี่เธอเปรียบไว้ว่า เหมือนการถือกำเนิดขึ้นใหม่ แสงแรกอะไรประมาณนั้น
ถ้าเล่ม 4.1 เป็นช่วงเวลาที่เอ็ดเวิร์ดกับเบลล่ากำลังดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เล่ม 4.2 นี้ก็คือช่วงเวลาของความยากลำบากของครอบครัวเลยล่ะค่ะ เพราะหลังจากเบลล่าลืมตาขึ้นมาในฐานะแวมไพร์ นางก็มีความรับผิดชอบคือ “ลูก” ตามมา และกระซิบดัง ๆ เลยนะคะว่า หนูน้อยคนนี้ถือเป็นไฮไลท์และบุคคลสำคัญของเรื่องเลยล่ะค่ะ แม่หนูเธอจะสำคัญยังไง ไปตามอ่านกันในเรื่องได้เลยนะคะ Nattiez ยังไม่บอก อิอิ
ถ้า Twilight เล่มแรกพีคแค่ไหน เราบอกเลยว่าเล่มนี้สเตฟานี่ก็นำเรากลับไปสู่จุดพีคของ Twilight ได้ค่ะ คือเล่มแรกที่ทำให้เรารู้จักเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่ามันดูน่าติดตาม แล้วตัวหนังสือมันดูดร็อปลงไปนิด ก่อนค่อย ๆ ไล่ความพีคของเนื้อหาขึ้นมา จนถึงเล่มจบ นอกจากผู้อ่านจะได้สัมผัสถึงความรักระหว่างเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่าแล้ว ยังพูดถึงความรักของครอบครัวคัลเลนที่เหนียวแน่น รวมไปถึงผู้อ่านจะได้เจอแวมไพร์เพิ่มอีกหลายคน แต่ละคนนี่ความสามารถพิเศษเยอะมาก ทำให้นึกว่ากำลังอ่าน X-Men ได้เลย แวมไพร์พวกนี้จะมารวมตัวกันเพื่ออะไร ... ไม่บอก อิอิ ต้องติดตามในเล่มค่ะ อ้อ! นอกจากแวมไพร์แล้ว มนุษย์หมาป่าสุดหล่อ พระรองของเราอย่างเจคอบ เค้าก็มีเนื้อคู่แล้วนะคะ แต่ฮีผูกวิญญาณกับใครนั้นหรอ Nattiez ยังไม่บอกค่ะ ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่าทำไมเบลล่าถึงจะฆ่าเจคให้ได้ 555
ใครที่ชอบมาจากภาพยนตร์ (ที่หักมุมกันสุดฤทธิ์) แนะนำให้อ่านเล่มนี้ค่ะ ไปติดตามความน่ารักของลูกสาวเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่า แล้วก็ไปดูว่าตอนจบของนิยายวัยรุ่นที่มีคนอ่านทั่วโลกจะเป็นยังไงได้ใน Twilight Breaking Dawn ค่ะ

เป็นตอนจบของนิยายวัยรุ่นของสเตฟานี เมเยอร์ที่บอกเลยว่าไม่ผิดหวังค่ะ สำหรับ Twilight 4.2 ในชื่อตอนว่า Breaking Dawn หรือ รุ่งอรุโณทัย ซึ่งสเตฟานี่เธอเปรียบไว้ว่า เหมือนการถือกำเนิดขึ้นใหม่ แสงแรกอะไรประมาณนั้น
ถ้าเล่ม 4.1 เป็นช่วงเวลาที่เอ็ดเวิร์ดกับเบลล่ากำลังดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ เล่ม 4.2 นี้ก็คือช่วงเวลาของความยากลำบากของครอบครัวเลยล่ะค่ะ เพราะหลังจากเบลล่าลืมตาขึ้นมาในฐานะแวมไพร์ นางก็มีความรับผิดชอบคือ “ลูก” ตามมา และกระซิบดัง ๆ เลยนะคะว่า หนูน้อยคนนี้ถือเป็นไฮไลท์และบุคคลสำคัญของเรื่องเลยล่ะค่ะ แม่หนูเธอจะสำคัญยังไง ไปตามอ่านกันในเรื่องได้เลยนะคะ Nattiez ยังไม่บอก อิอิ
ถ้า Twilight เล่มแรกพีคแค่ไหน เราบอกเลยว่าเล่มนี้สเตฟานี่ก็นำเรากลับไปสู่จุดพีคของ Twilight ได้ค่ะ คือเล่มแรกที่ทำให้เรารู้จักเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่ามันดูน่าติดตาม แล้วตัวหนังสือมันดูดร็อปลงไปนิด ก่อนค่อย ๆ ไล่ความพีคของเนื้อหาขึ้นมา จนถึงเล่มจบ นอกจากผู้อ่านจะได้สัมผัสถึงความรักระหว่างเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่าแล้ว ยังพูดถึงความรักของครอบครัวคัลเลนที่เหนียวแน่น รวมไปถึงผู้อ่านจะได้เจอแวมไพร์เพิ่มอีกหลายคน แต่ละคนนี่ความสามารถพิเศษเยอะมาก ทำให้นึกว่ากำลังอ่าน X-Men ได้เลย แวมไพร์พวกนี้จะมารวมตัวกันเพื่ออะไร ... ไม่บอก อิอิ ต้องติดตามในเล่มค่ะ อ้อ! นอกจากแวมไพร์แล้ว มนุษย์หมาป่าสุดหล่อ พระรองของเราอย่างเจคอบ เค้าก็มีเนื้อคู่แล้วนะคะ แต่ฮีผูกวิญญาณกับใครนั้นหรอ Nattiez ยังไม่บอกค่ะ ลองอ่านดูแล้วจะรู้ว่าทำไมเบลล่าถึงจะฆ่าเจคให้ได้ 555
ใครที่ชอบมาจากภาพยนตร์ (ที่หักมุมกันสุดฤทธิ์) แนะนำให้อ่านเล่มนี้ค่ะ ไปติดตามความน่ารักของลูกสาวเอ็ดเวิร์ดกับเบลล่า แล้วก็ไปดูว่าตอนจบของนิยายวัยรุ่นที่มีคนอ่านทั่วโลกจะเป็นยังไงได้ใน Twilight Breaking Dawn ค่ะ